1. ปัจจุบันมีงานวิจัยที่สนับสนุนข้อเท็จจริงที่ว่า การให้ลูกฟังดนตรีหรือเล่นดนตรีจะช่วยเพิ่มความสามารถของสมองเด็ก ทั้งด้านการคิดแบบคณิตศาสตร์ การอ่านและการเขียน
2. ดนตรีและเสียงเพลง จะช่วยให้เด็กมีระบบการคิดวิเคราะห์และเชื่อมโยงเหตุผล ด้วยความคิดที่มีมิติ
3. การฟังเพลงบรรเลงหรือเพลงคลาสสิกซึ่งมีความซับซ้อน (จังหวะของดนตรีจะต้องเป็นจังหวะที่เหมาะสม) จะช่วยกระตุ้นคลื่นสมองเด็กให้เกิดการเรียงตัว ส่งผล ให้เกิดความคิดสร้างสรรค์
4. การส่งเสริมให้เด็กเล่นดนตรี จะทำให้สมองทั้งสองซีกมีการทำงานสอดประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากอารมณ์สุนทรีย์เกี่ยวข้องกับสมองซีกขวา ส่วนการอ่านตัวโน้ตใช้สมองซีกซ้าย
5. ศาสตร์แห่งดนตรี มีการนำไปใช้ในการบำบัดเด็กที่มีความบกพร่องด้านสติปัญญา หรือมีปัญหาด้านอารมณ์ เรียกว่า “ดนตรีบำบัด”
6. ดนตรีที่มีจังหวะผ่อนคลาย มีส่วนช่วยในการปรับคลื่นสมองของเด็กส่งผลให้เด็ก สงบและมีสมาธิดีขึ้น
7. การเปิดเพลงที่มีเสียงธรรมชาติประกอบดนตรี หรือเสียงธรรมชาติอย่างเดียว ในช่วงเวลาการนอนกลางวันหรือกลางคืน จะช่วยให้เด็กมีจิตใจสงบเยือกเย็นมาขึ้น ที่มา www.sombunwit.ac.th/
เราเห็นด้วยนะ...เพราะเพลงทำให้จิตใจเราสงบ พร้อมที่จะเรียนรู้ และเพลงนั้นยังทำให้ร่างกายเราแข็งแรง แต่เราก็ต้องเลือกใช้เพลงให้ถูกที่ถูกเวลาเช่นกันนะจะ...
ตอบลบเราว่าข้อความของอ้ออ่านง่ายและเข้าใจง่ายดีนะน่ารักจัง ดนตรีช่วยให้คนเราสบายใจและสดชื่น เพราะถ้าเรามีดนตรีในหัวใจจะทำให้เราเป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใสอยู่ตลอดเวลา...(ขอถามหน่อยในภาพไปเที่ยวไหนมาสวยจังเลย)
ตอบลบอยากบอกว่าทำบล็อกได้สวยมากเลย...จ้า จ้า จ้า
ตอบลบเราก็เห็นด้วย.......ตามบทความที่ว่าเพลงสามารถช่วยบำบัดพฤติกรรมเด็กที่ปัญหาทางด้านสมาธิ เพราะเพลงที่มีจังหวะและท่วงทำนองที่ช้าฟังเเล้วสบายๆ อย่างเพลงลมหายใจเข้าแล้วประกอบท่าทางโยคะสามารถช่วยให้เด็กมีสมาธิขึ้นจริงเพราะเราทำวิจัยในขั้นเรียนมาแล้วเด็กจะตั้งใจและจดจ่ออยู่กับเพลงและทำนองที่ช้าและฟังแล้วสบายๆ ไม่เร่งรีบ เพลงก็ส่วนช่วยจริง
ตอบลบ..............มาตอบให้เราบ้างนะ...เพื่อนอ้อ.............